MY JANUARY READING

Mimoza 26th January 2024

รวมหนังสือที่อ่านในเดือนมกราคมนี้จ้า

เพิ่งอ่าน guns, germs and steel เสร็จถือว่าเป็นความสำเร็จแล้ว 55

ปี 2024 ตั้งเป้าหมายการอ่านไว้กลางๆ คืออ่านให้ได้อาทิตย์ละ 1 เล่ม เป็นแนว fiction กับ non-fiction

ปีที่แล้วทำได้ไม่เท่าไหร่ น่าจะตกเดือนละ 1 เล่ม ปีนี้ต้องทลายกองดองที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ให้เครดิตตัวเองว่าอ่านจบหนึ่งเล่มซื้อได้สองเล่ม อิๆๆๆๆ และต้องอ่านเล่มที่หนาที่สุดให้จบก่อนนะสาว (เหลือน้อย) ในวันขึ้นปีใหม่และครึ่งปีแรกสาว (เหลือน้อย) จึงชาเลนจ์ตัวเองด้วยการพิชิตหนังสือเล่มหนาอย่างน้อยเดือนละ 1 เล่มก่อนนนนน

เดือนมกราคมของเราเริ่มด้วย

1. วะบิ ซะบิ แด่ความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิต

ผู้เขียน Beth Kempton

ผู้แปล วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ

สนพ Be (ing)

ต่อเนื่องมาจากปลายปีที่แล้ว เราค่อนข้างอินกับปรัชญา ตั้งแต่อ่าน good vibes, good life ไป ego is the enemy ปิดท้ายปีด้วย The Little book of Stoicism ปีนี้เลยเปิดปรัชญาญี่ปุ่น วะบิ ซาบิต่อ

อันที่จริงเล่มนี้เปิดแล้วแต่ตอนนั้นยังไม่รู้สึกซาบซึ้งในปรัชญาเท่าไหร่น้องเลยรออยู่ในกองดอง หลังจากอ่าน The Little Book of Stoicism แล้วมาอ่านเล่มนี้ก็ปรื้ดๆ ไปเลย ใครคุ้นเคยวัฒนธรรมญี่ปุ่นหรือชอบการ์ตูนญี่ปุ่นน่าจะพอเข้าใจเรื่องวะบิซะบิ มันเป็นอารมณ์การปรับมุมมองความไม่สมบูรณ์แบบให้งดงาม ความเข้าใจลึกซึ้งถึงสรรพสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบว่าโลกของเรามันก็เป็นเยี่ยงนี้

’หากถามคนญี่ปุ่นว่า วะบิ ซะบิ คืออะไร ก็แทบไม่มีคนญี่ปุ่นคนไหนตอบได้ตรงๆ ทุกครนจะบอกว่ามันลอยอยู่ในสายลม เร่าร้อนอยู่ในแสงแดด สดชื่นอยู่ในซากุระบานและตรึงใจอยู่ในใบเมเปิ้ลเหี่ยว ทั้งความสุขและความทุกข์ ในรูปและนาม และอาจะกล่าวด้วยว่าทุกสรรพสิ่งล้วน – ไม่เที่ยง ไม่สมบูรณ์ และไม่เสร็จสิ้น-’

อ่านเล่มนี้ลองหาชาเขียวมาจิบแล้วจะได้อารมณ์สุดๆ

2. Meditations เมื่อจักรพรรดิพินิจชีวิต

ผู้เขียน มาร์คุส ออเรริอุส

ผู้แปล ปกรณ์ เลิศเสถียรชัย

สนพ OMG BOOK

ไปญี่ปุ่นแล้วก็วนกลับมาที่โรมันต่อ เรามันอินกับสโตอิก ก็ต้องอ่านเล่มนี้ด้วยแหละ แต่เล่มนี้เป็นเหมือนแปลบันทึกของมาร์คัส อารมณ์อ่าน the book of five rings เลย แต่รู้สึกอินกับของท่านมูซาชิมากกว่าเพราะเราเล่นเคยเรียนเคนโด้ อิๆ อันนี้ก็เหมือนอ้างอิงจากเล่ม The Little Book of Stoicism มาอีกที เล่มนี้อ่านเรื่อยๆ เหมือนอ่านไดอะรี แอบเห็นว่าตัวเองไฮไลท์ประโยคนี้เอาไว้

’แม้ว่าใจเจ้าจะสลายลง ผู้คนก็จะทำไปอย่างเคย’

3. Guns, Germs and Steel

ความทรมานใดเล่าและเท่ากับการพิชิตหนังสือเล่มนี้ เปิดตั้งแต่ปีที่แล้ว ปีนี้เลยตั้งไว้แถวหน้าเลยว่าต้องเอาให้จบภายในเดือนแรกของปีให้ได้ เราชะล่าใจว่า ชั้นผ่านเซเปี้ยนมาแล้ววว เล่มนี้ก็คงไม่ต่าง ก็ทำใจเอาไว้ล่วงหน้าแล้วแหละว่าครึ่งแรกมันแบบปูทาง คงเอื่อยๆ พอผ่านไปก็จะดีขึ้น แต่แม่เจ้า…ใครจะรู้ว่านี่มันยานอนหลับชั้นเลิศ ใครนอนไม่หลับขอเชิญเลยค่า คือมันแน่นมากกก ละเอียดสุดๆ ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองอ่านแบบผ่านๆ แต่วันนี้พอไปกินอาหารเย็นกับเพื่อนแล้วสั่ง yam fries (กับซอส anchovy มันนัวมาก) มากิน แล้วทุกคนก็แบบสงสัยว่าไอ้ yam นี่คืออัลไล สมองก้อนน้อยๆ ที่กำลังเหนื่อยล้ากับการอ่านของฉันก็ตึ๊งตึ่ง เอ๊ะๆ อีหัวมัน yam นี่มันผ่านตามาและก็ทำให้ฉันง่วงนอนมาแล้ว ก็บอกเพื่อนฝูงว่า มันเป็น potato มาจากแอฟริกา เพียงเท่านั้นฉันก็กลายเป็นผู้ทรงความรู้สุดๆ เพราะไม่มีใครรู้เลยว่าอี yam fries คืออีหยัง เพราะ texture มันไม่เหมือนมันฝรั่งทั่วไปงะ

4. Pinball 1973 พินบอล 1973

Haruki Murakami

นพดล เวชสวัสดิ์ แปล

เล่มนี้เปิดไว้นานละ อ่านไปประมาณยี่สิบหน้าแล้วก็ไม่ได้อ่านต่อ จนกระทั่งเริ่มอ่าน Guns, germs and steel แบบว่าต้องหาอะไรมาอ่านคั่นและต้องอ่านแนว fiction ด้วยเพราะตั้งเป้าหมายว่าต้องอ่านทั้งสองประเภท และสามเล่มแรกก็ non-fic ไปแล้ว เลยคว้าพินบอลที่เปิดค้างไว้นานมากมาอ่านต่อ (เพราะมันเล่มเล็ก 55) คราวนี้อ่านได้ไวกว่าเดิมมาก มันเดินเรื่องงงๆ ตามสไตล์ของเฮียมูราฯ แหละพอผ่านไปก็เริ่มอินกับเนื้อเรื่องมากขึ้น รออ่านจุดเชื่อมโยงเรื่องราวแปลกๆ ในเรื่อง แต่มันก็ยังไม่เชื่อมกันเท่าไหร่ ในเล่มก็มีคำคมโดนใจอยู่บ้างนะ

5. Suicide Shop ร้านชำสำหรับคนอยากตาย

ฌอง เติลเล่

เล่มนี้เหมือนเล่มบนคือหยิบมาอ่านคั่น Guns, Germs and steel เพราะเล่มบางคิดว่าคงใช้เวลาอ่านไม่นาน และก็ไม่นานจริงๆ ด้วย มันเป็นเล่มแรนด้อมอะ ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่มันสนุกมากเลย ชอบคอนเซปต์ร้าน ความ ปสด ของคนในบ้าน ความกวนของน้องคนสุดท้อง และคิดว่าตอนจบนี่มัน…สุดๆ

จริงๆ แอบเปิด แม่มดน้อยกิกิเล่มสองเอาไว้ด้วย แต่ยังอ่านไม่จบ ขอย้ายน้องไปเดือนหน้าก็แล้วกัน

สำหรับเดือนหน้าจะมี

Capital ทุนนิยมในทศวรรษที่ 21

ขอกำลังใจในการอ่านให้ข้าพเจ้าด้วยเทอญ